Fan Fic Tokyo Ghoul Amulet to the future - Fan Fic Tokyo Ghoul Amulet to the future นิยาย Fan Fic Tokyo Ghoul Amulet to the future : Dek-D.com - Writer

    Fan Fic Tokyo Ghoul Amulet to the future

    งั้นคุณก็คือ อาริมะ คิโชว ในอีก 15 ปีข้างหน้างั้นเหรอ

    ผู้เข้าชมรวม

    90

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    90

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ม.ค. 65 / 21:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สายลมในยามราตรีได้พัดผ่านร่างสูงของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีขาวโพลนที่กำลังเดินทางกลับคอนโดของเขา.          อากาศในค่ำคืนนี้มันช่างดีซะจนทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาในวันคืนเก่าๆ ที่ผ่านไปแล้วเมื่อเขายังเรียนอยู่           “งั้นแยกกันตรงนี้แหละ กลับดีๆ ละพวกนาย” ฟูระ ไทชิ เพื่อนของเขาเมื่อตอนสมัยเรียน ม.ปลาย กล่าวลาเขากับเพื่อนร่วมชั้นสาว มินามิ อูรูกะ “อืม กลับดีๆ นะฟูระคุง”   “กลับดีๆ ละ”  เขาและเธอพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและนั่นก็ทำให้ไทชิพูดแซวทั้งสองคนนิดหน่อยก่อนที่เขาจะแยกตัวออกไป “พวกนายเนี่ยดูเหมาะกันจังเลยนะ ก็ไม่แปลกหรอกเป็นหัวกะทิของห้องนี่นะ” หลังจากฟูระกลับไปแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของอาริมะที่จะต้องไปส่งเธอเพราะคราวก่อนที่เธอถูกกูลโจมตีในตรอกมันทำให้ทั้งคู่เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ แต่ทำไมถึงต้องเป็นอาริมะด้วยละ  ก็เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าฟูระ และอีกอย่างอาริมะก็เป็นคนอาสาเองด้วย “เอาละถ้างั้นก็” เด็กสาวนำมือทั้งสองข้างของเธอขึ้น                           มาประกบเข้าด้วยกันพลางหันมาที่เขา “คืนนี้ก็รบกวนด้วยนะ อาริมะคุง”                          นั่นคือเรื่องราวเมื่อ 15 ปีก่อน เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เขาเคยได้รับในชีวิต ชีวิตในรั้วโรงเรียนที่เด็กหนุ่ม.     วัยอย่างเขาในตอนนั้นสมควรจะได้รับ..หาใช่ชีวิตที่ต้องพรากสิ่งสำคัญไปจากผู้อื่น ชีวิตแบบนี้เขาไม่ต้องการ                                 เขาเหนื่อยมามากแล้ว เขาไม่เคยมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำอยู่เลยแม้แต่ครั้งเดียว                            ใกล้จะถึงคอนโดแล้วเขาจะได้พักผ่อนซะทีอย่างน้อยๆ ก็แค่คืนนี้ “ยัยหนูพูดไม่รู้เรื่องรึไง บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”     เสียงโวกเวกของยามหน้าคอนโดของเขาดังขึ้นดูเหมือนเขาจะกำลังมีปากเสียงกับบางคนอยู่ “ฉันแค่ขอยืมโทรศัพท์เพราะจะติดต่อหาเพื่อนเท่านั้นเอง แต่คุณกลับไม่ให้ยืม ทั้งที่ควรจะช่วยเหลือกันสิคะ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วเป็นเสียงของเด็กผู้หญิงแต่ทำไม ทำไมเขาถึงคุ้นเคยกับเสียงนี้เหลือเกิน “บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ถ้าจะมาหลอกกันละก็บอกเลยว่าไม่เนียน”  “ฉันไม่ได้หลอกคุณนะ” ก่อนที่การโต้วาทีจะรุนแรงไปมากกว่านี้ อาริมะก็ได้เข้ามาแทรกไว้ได้ทัน  “ขอโทษด้วยนะครับ เด็กคนนี้เป็นแขกของผมเอง พอดีเรามีนัดสัมภาษณ์กันน่ะครับ” ยามคนนั้นดูจะอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะกล่าวขอโทษเธอคนนั้น หลังจากที่เคลียร์เรื่องจนกระจ่างแล้วอาริมะก็หันไปหาเด็กสาวคนนั้น ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่คุ้นเคย แต่เครื่องแบบนักเรียน หน้าตา ไม่ผิดแน่ ส่วนเด็กสาวก็ดูจะชะงักไปพักใหญ่ “(คนคนนี้ เป็นใครกัน กลิ่นก็คุ้น แต่ที่แน่ๆ เราได้กลิ่นของกูลออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่เขาถืออยู่ ไม่ผิดแน่คนคนนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนกูลแน่)” อาริมะเดินนำเด็กสาวไปตามทางเดินเข้าประตูคอนโด “ขะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันไว้้ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ฉันคงแย่แน่เลย” ทั้งคู่เดินเข้าประตูลิฟต์โดยไร้การพูดคุยกันจนกระทั้งมาถึงห้องของเขา “เข้ามาสิ” อาริมะเอ่ยปากชวนเธอ “ดะ เดี๋ยวก่อนสิคุณ เรื่องเมื่อกี๊ต้องขอบคุณคุณมากที่มาช่วย แต่ถ้าจะให้ฉันตอบแทนคุณแบบนี้ละก็…”  “อย่าคิดไปไกล ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เขาพูดตัดเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับคมดาบที่พร้อมจะฟาดฟันได้ทุกเมื่ื่อ “(ผู้ชายคนนี้ คุ้นมากๆ เขาเป็นใครกันนะ แต่เอาเถอะดูท่าทางเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ถ้าเขาคิดจะทำอะไรฉัน ฉันจะฆ่าเขาซะ)” เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นเด็กสาวจึงเดินเข้ามาในห้องของชายหนุ่ม ท่าทีของเขายังคงเยือกเย็นไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาเลย เขาถอดเสื้อสูทแขวนไว้ในตู้แล้วหันมาถามเธอ “กาแฟหน่อยมั้ย”  “ไม่ละคะ ขอบคุณ”  เขาไม่พูดอะไรต่อเพียงแค่ชงกาแฟของตัวเองไปแค่นั้น เด็กสาวรู้สึกแปลกใจมากเพราะท่าทีของเขาคล้ายกับท่าทีของคนคนหนึ่งที่่เธอรู้จัก “ขอโทษนะคะคือว่าขอฉันยืมมือถือของคุณจะได้รึเปล่าฉันจะติดต่อหาเพื่อนน่ะคะ” เขาเดินมานั้งลงตรงโซฟาข้างๆ เธอพร้อมวางแก้วกาแฟลง “แล้วทำไมเธอถึงไม่ติดต่อครอบครัวละ” เธอนิ่งไปสักพัก ดูเหมือนอาริมะจะพูดในสิ่งที่ทำให้เธอไม่อยากจะพูดออกมาซะแล้ว “ฉัน..แยกกันอยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่ะคะ แต่ท่านก็ยังคงส่งเงินมาให้อยู่” เขายกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม เขารู้ว่าเธอโกหก เพราะดูจากท่าทีของเธอแต่เขาก็ไม่อยากจะซักอะไรให้มากความ “แล้วเพื่อนคนนั้นของเธอเขาชื่ออะไรละ เผื่อฉันจะรู้จัก”  “อาริมะ..เขาชื่ออาริมะ คิโชวคะ” เขาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “ผู้ชายเหรอ?” “ชะ ใช่คะ คุณพอจะรู้จักเขาไหมคะ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันแล้วเขาก็สะพายเคสกีต้าร์ด้วย เขาไว้ผมยาวสีน้ำเงินถึงคาง ดางตาของเขาเป็นสีเทา แล้วเขาก็ใส่แว่นด้วยคะ” เขาหันมาที่เธอดูเหมือนเธอจะพูดเจาะรายละเอียดซะหมดจดเลย “ดูเธอรู้ละเอียดดีนะ” เธอทำสีหน้าเคอะเขินแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น “กะ ก็เจอกันทุกวันแล้วก็เดินกลับบ้านด้วยกันบ่อยๆ น่ะคะ” เขายกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแล้ววางลงอีกครั้ง “ทำไมถึงต้องเป็นเขาละ” “เขาเป็นคนที่พึ่งพาได้คะ..แล้วก็เวลาขับขันก็มักจะโผล่ออกมาช่วยตลอดเลย เหมือนอัศวินยังไงอย่างงั้นเลยละ ขนาดชื่อเขายังคล้ายเลย”  “งั้นเธอก็ไม่ต้องไปเสียเวลาติดต่อเขาหรอก” เด็กสาวทำท่าทีตกใจกับคำพูดของเขา “หมายความว่ายังไงคะ” เขาลุกขึ้นแล้วเอาแก้วกาแฟไปแช่ไว้ในอ่างล้างจานก่อนจะหันมาที่เธอ “ก็ฉันนี่แหละ อาริมะ คิโชว” ดวงตาของเด็กสาวเบิกโพลงประโยคเมื่อกี๊ของเขาได้คลายความสงสัยที่อยู่ในใจของเธอ “คุณคือ..อาริมะคุงเหรอ” “ใช่ ฉันนี่แหละ" ความรู้สึกที่ไม่รู้จักมากมายได้เข้าปลกคุมภายในใจเธอ ที่นี่มันที่ไหน โลกใบนี้มันใช่โลกที่เธอเคยอยู่เหรอ และคนตรงหน้าของเธอเขาคือคนคนนั้นจริงๆ เหรอ “คุณ..”  “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกแบบเดิมก็ได้นะคุณมินามิ”  “คือฉันแค่ตกใจน่ะ ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือฉันกำลังจะเข้าห้องแล้วก็ไปเจอของบางอย่างที่่มันคล้ายเครื่องรางมาก พอหยิบขึ้นมาดูรู้สึกตัวอีกทีฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว กระเป๋า มือถือก็หายไปหมดเลย นี่ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ” “ใจเย็นๆ ก่อนสิ ดูเหมือนเธอจะกำลังสติแตกนะ” อาริมะเดินมานั้งลงบนโซฟาข้างเธออีกครั้งพร้อมยื่นแก้วน้ำมาให้เธอ “ดื่มก่อนสิจะได้ใจเย็นลง” เธอยื่นมือไปรับแก้วน้ำจากเขามาดื่มแล้วหันมามองเขา “มีอะไร?” เขารู้ตัวเพราะเธอจ้องเขานานเกินไป “เปล่าหรอก..แค่คิดว่าเธอเปลี่ยนไปมากเลยน่ะ ถ้าพวกสาวๆ ในห้องมาเจอเข้าคงจะอึ้งมากแน่ๆ….จริงด้วยเธออายุเท่าไหร่แล้ว”  “31” น้ำเสียงเรียบนิ่งได้ตอบกลับเธอและนั่นก็ทำให้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก “นี่เราข้ามเวลามาอนาคตในอีก 15 ปีข้างหน้างั้นเหรอเนี่ย!!" อาริมะที่เห็นว่ามินามิดูจะกระวนกระวายมากๆ เขาจึงบอกให้เธอไปอาบน้ำก่อน “นี่ี่มันก็ดึกมากแล้วเธอไปอาบน้ำก่อนเถอะแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ แล้วคืนนี้เธอก็ค้างที่นี่แหละ” มินามิหน้าขึ้นสีเพราะไม่คิดว่าอาริมะจะให้เธอค้างคืนในห้องของเขา “ฉันพอจะมีเสื้อผ้าตอนยังเรียน ม.ปลายอยู่ เธอคงใส่ได้นะ” เธอมองไปยังอาริมะที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าอยู่ “คือว่านะ..ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี เธอยังเป็นคนใจดีเหมือนเดิมเลยนะ” อาริมะมองไปยังมินามิที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่ รอยยิ้มของเธอมันทำให้เขารู้สึกผิดที่เขาเองก็มีส่วนทำให้เธอต้องตาย “มีอะไรเหรอดูเธอทำหน้าเศร้าๆ นะ” อาริมะเลือกที่จะเบือนหน้าหนีเธอ “ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ” เขาเลือกที่จะพูดตัดบทเธอเพราะคืนนี้เขาเหนื่อยมาก “ถ้าอาบเสร็จแล้วเตียงอยู่ขวามือทางนี้นะ ฉันจะนอนบนโซฟาเอง” “ไม่เป็นไรหรอก ฉันนอนบนโซฟาได้” “ไม่เป็นไรหรอก รีบไปอาบเถอะอากาศมันหนาว” มินามิดูจะยังเกรงใจอาริมะอยู่เพราะคืนนี้เธอได้เขาช่วยไว้หลายอย่างเลย “งั้นก็..ขอบคุณนะ” เด็กสาวพูดจบแล้วเดินไปทางห้องน้ำ ทางด้านอาริมะเองก็กำลังคิดอยู่ว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับฟูระดีมั้ย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่บอกเพราะมันอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมานับไม่ถ้วน ชายหนุ่มเดินไปนั้้งลงบนโซฟาพร้อมกับหยิบบันทึกรายงานที่ ไฮเสะส่งมาให้เขาดูวันนี้ “อาบเสร็จแล้วละ” เสียงของมินามิทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองดูเธอที่ตอนนี้อยู่ในชุดที่ทั้งเสื้อและกางเกงดูใหญ่เกินตัว “ยะ อย่ามองมากนักสิฉันไม่ได้ใส่ชั้นในนะ -////- ” “ขอโทษด้วย เธอไปนอนเถอะ” “แล้วเธอไม่นอนเหรอ" “คงอีกสักพัก” มินามิมองดูอาริมะที่กำลังเปิดรายงานดูอยู่ก่อนที่เธอจะเดินไปทางห้องที่อาริมะบอก ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วอาริมะปิดรายงานลงแล้วเก็บใส่ลิ้นชักโต๊๊ะ “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” เสียงของเด็กสาวทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธอที่ตอนนี้กำลังใช้ผ้าห่มผืนหนาคลุมทั้งตัวเธออยู่ “พรุ่งนี้ได้มั้ย วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลยน่ะ" อาริมะตอบกลับเธอไปแต่ก็ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไม่ได้ผล “งั้นแค่นิดเดียว..ได้มั้ย” เขามองแววตาของเธอที่มีทั้งความกลัว และอีกหลายๆ ความรู้สึกมากมาย “ก็ได้” เขาเดินมานั้งลงบนโซฟาโดยมีเธอเดินมานั้งลงข้างๆ “อยากคุยอะไรละ”  “คะ คือว่านะตัวฉันในอีก 15 ปีตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ เราได้เจอกันมั้ยหลังจบ ม.ปลายน่ะ” อาริมะนิ่งเงียบเพราะถ้าเขาบอกความจริงไปว่ามินามิตายไปตั้งแต่ 15 ปีที่แล้วมันคงจะทำให้เธอตกใจมากขึ้นกว่าเดินแน่ และเขาก็ไม่อยากทำเหมือนกับเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว “ตอนนี้เธอในโลกนี้อยู่ที่เขต 20 ส่วนหลังจบ ม.ปลายก็มีเจอกันบ้างแต่ก็ไม่บ่อยหรอก” เขาจำเป็นต้องโกหกเธอ “งั้นเหรอ แบบนี้เอง” มินามิซุกหน้าของเธอเข้าไปในผ้าห่ม “ฉันไม่รู้อะไรเลยตอนที่มาโผล่ที่นี่ มันสับสนไปหมดพอตั้งสติได้ก็เลยคิดว่าต้องติดต่อคนรู้จัก แล้วหน้าของอาริมะคุงมันก็ลอยเข้ามาในหัวเป็นคนแรก อย่างน้อยก็ยังดีที่มาเจอเธอที่นี่ ถึงจะเป็นเธอในอีก 15 ปีข้างหน้าก็เถอะ ฮึๆ” อาริมะไม่พูดอะไรเขาเพียงมองไปที่มินามิ.     เท่านั้น มันแปลกรึเปล่านะที่จู่ๆ เขาก็คิดว่าดีจังเลยที่ได้เจอมินามิอีกครั้ง อย่างน้อยๆ ก็เป็นตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่        “เธอจะนอนตรงโซฟานี่จริงๆ เหรอ”  “ใช่”  “จะไปนอน..ที่เตียงก็ได้นะ มันกว้างอยู่ไม่ใช่เหรอ” คำพูดของเธอทำให้ภายในใจของเขาสั้นสะเทือนถึงภานนอกเขาจะยังทำสีหน้าเรียบเฉยก็ตาม “แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ ไม่ควรจะมาพูดอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะตอนที่อยู่กับผู้ชายตามลำพังน่ะ”  “ถ้าเป็นอาริมะคุงคงไม่ทำอะไรฉันหรอก….ฉันเชื่อแบบนั้นนะ เหมือนเมื่อตอนงานกีฬาสีที่เธอเชื่อในตัวฉันไงละ”  “แต่นั่นมันไม่เหมือนกัน..เธอก็รู้”  ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่ได้หันมาจดจ่อตรงหน้าของกันและกัน ดวงตาของทั้งคู่ได้จ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้า “นั่นสินะ ยังไงเธอก็เป็นผู้ชายนี่นา ฉันนี่บ้าจังเลยนะ” เธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหันมาที่เขา “ขอโทษที่มารบกวนนะ ราตรีสวัสดิอาริมะคุง” มินามิเดินไปที่ห้องโดยที่อาริมะไม่ได้บอกราตรีสวัสดิเธอเลย เขาเพียงลุกไปอาบน้ำหลังจากมินามิเข้าห้องไปได้ไม่นาน “นี่เราคิดบ้าอะไรอยู่กันนะถึงไปชวนอาริมะคุงมานอนด้วย ทั้งๆ ที่เขาช่วยเราไว้แท้ๆ….เตียงนี่นุ่มดีจัง นุ่มกว่าเตียงของเราซะอีก อืมมม กลิ่นของเขายังติดหมอนอยู่เลย” มันก็คงจะดีอยู่หรอกถ้าเกิดไม่มีคนมาได้ยินประโยคตอนท้ายแต่อาริมะดันเดินมาพอดีเนี่ยสิ “อาริมะคุง!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ เลยนะ” อาริมะไม่พูดอะไรเขาเดินตรงเข้ามาหามินามิแล้วนั้งลงบนขอบเตียง “(แย่ละสิ เขาต้องได้ยินที่เราพูดไปแน่เลย)”  “พรุ่งนี้ให้เธออยู่แต่ในห้องนี้นะ พอฉันกลับมาแล้วค่อยหาที่อยู่ใหม่ให้เธอ เพราะยังไงมันคงจะไม่ดีถ้าให้เธออยู่ที่นี่ไปตลอด” “เข้าใจแล้ว” เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง “ราตรีสวัสดินะ” เขาปิดไฟแล้วเดินจากเธอไป มินามิคิดว่าดูอาริมะจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะนี้มัน 15 ปีข้างหน้า ทุกคนก็ต้องเติบโตขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าอาริมะนั้นโกหกเธอเรื่องที่ว่าตัวเธอในโลกนี้อยู่ที่่เขต 20 เพราะในโลกของเธอเธอรู้อยู่แล้วว่าอาริมะรู้ว่าเธอเป็นกูลและเธอก็คงจะไม่รอดไปจากน้ำมือของเขาแน่ แต่เธอก็ยังแปลกใจอยู่ดีว่าอาริมะทั้งที่รู้ว่าเธอเป็นกูล ทำไมเขาถึงไม่จัดการเธอซะทั้งที่มีโอกาสตั้งหลายครั้ง แต่วันนี้เธอเองก็เหนื่อยมากเช่นกัน เปลือกตาของเด็กสาวค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับจันทราที่                                             ค่อยๆ ถูกหมู่เมฆยามราตรีเคลื่อนมาปกคลุม                                        เช้าวันใหม่ได้มาเยือนโตเกียวเขตที่ 18  เสียงของรถยนต์ที่สัญจรไปมาได้ปลุกเด็กสาวให้ตื่นจากภวังค์ “เช้าแล้วเหรอ” มินามิลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอนก็พบว่าอาริมะกำลังจะออกไปข้างนอก “อรุณสวัสดิ กำลังจะไปทำงานเหรอ” เสียงของเด็กสาวทำให้อาริมะที่กำลังจะเปิดประตูหันกลับมา “วันนี้ฉันอาจจะได้กลับเร็วหน่อยถ้าเกิดวันนี้ไม่มีอะไรมากน่ะนะ” เขาเปิดประตูออกแล้วเดินออกจากห้องไป “ไปดีมาดีนะ” เธอพูดอวยพรเขาก่อนที่เขาจะปิดประตู ทิ้งให้มินามิต้องอยู่คนเดียว ตอนนี้สิ่งที่เธอนึกขึ้นได้เป็นอย่างแรกคือกลับไปเก็บที่นอนให้เรียบร้อย และไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว เธอจึงคิดจะอ่านหนังสือที่มีมากกว่าร้อยเล่มบนชั้นวางหนังสือของอาริมะ “มีแต่พวกนิยายซะเป็นส่วนใหญ่แฮะ ทาคัทซึกิ เซ็น เหรอ เป็นนามปากกาที่ดีนี่”  เด็กสาวใช้เวลาอ่านหนังสือไปหลายชั่วโมง เล่มแล้วเล่มเล่าที่ถูกหยิบเก็บหยิบออก “ทำไมแต่ละเรื่องตอนจบตัวเอกต้องตายทุกทีเลยนะ คนแต่งคงจะเคยเจอการสูญเสียคนสำคัญไปสินะเลยอยากถ่ายทอดออกมาให้คนอ่าน”  มินามิใช้เวลาอ่านหนังสือไปจนจะถึงช่วงเย็นของวันจนเธอเริ่มจะรู้สึกง่วงขึ้นมา และตอนนี้อาริมะก็ยังไม่กลับมาเลย เธอควรจะทำอาหารไว้ให้เขาดีมั้ยนะ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำออกมาอร่อยรึเปล่าเพราะอาหารของพวกมนุษย์มันไม่ใช่ของถนัดของเธอเลย แต่เพราะมัวแต่คิดมากเกินไป เปลือกตาของเธอมันก็ค่อยๆ หลับลงจนเธอเผลอหลับไป……………..เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาในห้อง อาริมะได้กลับมาถึงแล้ว “ยินดีต้อนรับกลับ” เสียงของเด็กสาวดังขึ้นหลังจากที่เธอเพิ่งจะเตรียมซุปมิโสะที่เพิ่งจะทำเสร็จหมาดๆ “ฉันหลับไปนานมากเลย จู่ๆ ก็รู้สึกเพลียๆ ขึ้นมาน่ะ มาทานซุปสิกำลังร้อนๆ เลย”  “ขอบคุณ แต่ฉันทานจากข้างนอกมาแล้วละ” เขาเดินมานั้งลงบนโซฟาหลังจากถอดเสื้อคลุมออก “วันนี้มีธุระเยอะ    มากก็เลยกลับดึก เรื่องที่คุยเมื่อเช้าคงต้องเลื่อนออกไปก่อน ขอโทษด้วยนะ” มินามิเดินมานั้งข้างๆ อาริมะ     

    “มันแปลกมากเลยละ พอฉันตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ในชุดนักเรียนเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันมีความรู้สึกแปลกๆ ด้วยละ” ดูเธอจะเป็นกังวลมากซึ่งอาริมะก็กำลังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมินามิถึงกลับมาใส่ชุดนัักเรียน และที่เธอพูดเมื่อกี๊มันก็ยิ่งทำให้เขาแปลกใจยิ่งขึ้นอีก “รู้สึกแปลกเหรอ?” มินามิมีท่าทีแปลกๆ อยู่นานจนอาริมะจับสังเกตได้ จนในที่สุดน้ำเสียงของเธอก็เริ่มสั่น “ฉันรู้สึกเหมือนกับ..เหมือนกับว่า..ตัวฉันกำลังจะหายไปเลย….ฉันกำลังจะกลับไปโลกเดิมใช่มั้ย”  อาริมะเริ่มสังเกตเห็นว่าเท้าของเธอมันกำลังจะค่อยๆ จางหายไป เธอกำลังจะหายไป!! “อาริมะคุง ฉันกำลังจะหายไปละ” เธอพูดออกมาทั้งน้ำตา “ทั้งที่อยากคุยด้วยมากกว่านี้แท้ๆ ทั้งที่อยากอยู่ด้วยมากกว่านี้แท้ๆ” อาริมะรีบเข้าไปสวมกอดเธอไว้เธอเองก็สวมกอดเขาไว้เช่นกัน “ถ้าฉันมาเร็วกว่านี้ ก็คงจะได้คุยกันมากกว่านี้ ฉันขอโทษ” ตอนนี้ทุกอย่างมันกะทันหันเกินไปแล้ว ร่างกายท่อนล่างของเธอมันก็ค่อยๆ หายไปแล้ว “ฉันกำลังจะได้กลับไปหาเธอในตอนนั้นแล้วละ บางทีถ้าเกิดฉันจำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ บางอย่างมันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้” ตอนนี้ทุกสิ่งมันช่างเงียบสงบมีเพียงเสียงของรถยนต์ที่แล่นไปมาในยามดึก เธอหยุุดร้้องแล้วเหรอ!? “อาริมะคุง” เสียงกระซิบของเธอดังขึ้นที่ข้างใบหูของเขา “สุดท้ายนี้ฉันขออะไรอย่างสิ ช่วยทำให้ฉันได้รึเปล่า” อาริมะคลายกอดออกจากเธอ ตอนนี้ช่วงตัวของเธอมันเริ่มที่จะเลือนลางลงไปทุกที “จูบเหรอ?” “อืม ได้มั้ย” “เข้าใจแล้ว” อาริมะโน้มตัวลงไปใกล้กับใบหน้าของเธอ จมูกของทั้งคู่ได้อยู่ชิดกัน พร้อมกับริมฝีปากที่ค่อยๆ ประกบเข้าหากัน………ทั้งคู่ถอนจูบออกจากกัน ร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอกำลังจะหายไป “ลาก่อน…..แล้วเจอกันที่นู่นนะ อาริมะคุ” เธอได้หายไปแล้ว หายไปจากช่วงเวลานี้ แต่เธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา ไม่สิ ในความทรงจำของเขามันมีเธออยู่ตลอด นับตั้งแต่เมื่อ 15 ก่อน และจะคงอยู่ไปตลอดไม่ว่าจะในฐานะตราบาปหรืออะไรก็ช่าง แต่เขาก็ดีใจที่ได้รู้จักเธอ มินามิ อูรูกะ

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×